โลกธุรกิจยุคนี้ การค้าขายออนไลน์กำลังมาแรง ทำให้เจ้าของกิจการหลายรายต้องการขยับขยายที่ทำงานให้ใหญ่โตกว่าเดิม โฮมออฟฟิศจึงเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่หลายคนมองหา แต่มักจะติดปัญหาเรื่องขนาดพื้นที่ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการสต็อกสินค้า หรือติดตั้งเครื่องจักรเพื่อดำเนินการผลิต
วันนี้ มีโครงการที่ตอบโจทย์ทั้งการเป็น ออฟฟิศ โกดัง และโรงงานไว้ในที่เดียว มารีวิวให้ได้ชมกันกับ ‘บิ๊กเกอร์แลนด์ เฟส 4 ลำลูกกา คลอง 8’ Mini Factory ซึ่งเปลี่ยนภาพลักษณ์ของโรงงานให้ดูดี ผ่านมาตรฐาน EIA พร้อมอาคารสำนักงานสไตล์โมเดิร์น ที่ทั้งดีไซน์และฟังก์ชันนั้นมีดีไม่แพ้โฮมออฟฟิศไหนๆ
โครงการตั้งอยู่ในพื้นที่สีม่วง เป็นเขตอุตสาหกรรมที่สามารถขอใบอนุญาตโรงงานได้ ทำเลติดถนนลำลูกกา ใกล้วงแหวนรอบนอก เชื่อมต่อไปแหล่งอุตสาหกรรมหลายจุดได้อย่างสะดวก ตอบโจทย์เจ้าของธุรกิจที่อาศัยอยู่ในโซนรามอินทรา พหลโยธิน และวิภาวดีรังสิต
บิ๊กเกอร์แลนด์ เฟส 4 ลำลูกกา คลอง 8 จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปติดตามบทความกันได้เลยครับ
พร้อมออฟฟิศ 3 ชั้นสไตล์โมเดิร์น ที่ดิน 230-400 ตร.ว. รองรับโรงงานขนาดกลางหรือโกดังสินค้า ตอบโจทย์การให้ครบวงจร ประสานงานได้ง่ายในที่เดียว
ลงเสาเข็มลึก 20 ม. รอบพื้นที่ รองรับรถบรรทุก เครื่องจักรใหญ่ และต่อเติมโรงงานเป็น 2 ชั้นได้ พร้อมวัสดุหลังคากับผนังที่ที่ทนความร้อนสูงและเก็บเสียง
สภาพแวดล้อมดี มาพร้อมพื้นที่สีเขียวมากกว่า 10% บรรยากาศร่มรื่นไม่แออัด พร้อมดีไซน์ออฟฟิศที่ทันสมัย และถนนหน้ากว้าง 16 ม. รถใหญ่เข้าออกสะดวก
ทำเลพื้นที่อุตสาหกรรม สามารถขอใบอนุญาตโรงงาน (รง.4) ได้ ติดถนนลำลูกกา ใกล้วงแหวนรอบนอก และทางด่วนฉลองรัชส่วนต่อขยาย นครนายก-สระบุรี
Location โครงการ บิ๊กเกอร์แลนด์ เฟส 4 ลำลูกกา คลอง 8 ตั้งอยู่ในพื้นที่โซนสีม่วง ซึ่งจัดเป็นที่ดินสำหรับอุตสาหกรรมหรือคลังสินค้าของ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทำให้เจ้าของกิจการสามารถขอใบอนุญาตโรงงาน (รง.4) ได้ตามที่กฎหมายกำหนด
รอบๆ โครงการส่วนใหญเป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับทำเกษตรกรรม สภาพแวดล้อมจึงยังเป็นธรรมชาติ ไม่แออัดไปด้วยโรงงานหรือชุมชน ที่สำคัญคืออยู่ติดกับ ถ.ลำลูกกา ใกล้ทางด่วนวงแหวนรอบนอก กาญจนาภิเษก และกำลังจะมีทางด่วนฉลองรัชส่วนต่อขยาย นครนายก-สระบุรี ตัดผ่านทำเล ซึ่งจุดขึ้น-ลงนั้นอยู่ใกล้กับโครงการเพียง 3 นาทีเท่านั้น โดยมีกำหนดเปิดใช้งานในปี 2568
ถ.ลำลูกกา ตั้งแต่คลอง 3 ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สถานีคูคต) มาถึงคลอง 6 ใกล้วงแหวนรอบนอก เป็นแหล่งชุมชนที่มีบ้านจัดสรรเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังเชื่อมต่อกับย่านที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงได้ทั้ง ถ.รังสิต-นครยายก ถ.พหลโยธิน และ ถ.รามอินทรา ทำเลโครงการจึงตอบโจทย์ทั้งด้านการเดินทางของผู้ประกอบการที่มีบ้านอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงตลาดแรงงานขนาดใหญ่ของพื้นที่โดยรอบ
นอกจากนั้น ถ.กาญจนาภิเษก ยังเชื่อมต่อได้กับทางพิเศษฉลองรัช ทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพฯ ย่าน ลาดพร้าว เอกมัย พระราม 9 ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ในปี 2565 ที่จะถึงนี้ ทางพิเศษฉลองรัชก็จะเริ่มโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายไป นครนายก-สระบุรี ซึ่งมี
กำหนดเปิดบริการในปี 2568 ซึ่งจุดขึ้นลงของทางด่วนก็อยู่ใกล้กับ บิ๊กเกอร์แลนด์ เฟส 4 เพียง 3 นาที พื้นที่นี้จึงจัดเป็นทำเลศักยภาพสูงซึ่งมีโอกาสในการเติบโตได้อีกไกล
สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้โครงการ โซนคลอง 5-6 ก็มีศูนย์การค้าอย่าง บิ๊กซี โฮมโปร และ โลตัส รองรับการจับจ่ายใช้สอย ทานอาหาร รวมถึงทำธุรกรรมที่ธนาคาร หรือขยับออกนอกพื้นที่ไปไม่ไกลมากก็มี ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และ แฟชั่นไอส์แลนด์ รามอินทรา เป็นทางเลือกซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากขึ้น
ใกล้กับโครงการเพียง 900 ม. มี รพ.ซีจีเอช ลำลูกกา พร้อมรองรับความต้องการด้านสุขภาพของทั้งเจ้าของกิจการและพนักงานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ทางเข้า บิ๊กเกอร์แลนด์ เฟส 4 ลำลูกกา คลอง 8 อยู่ติดกับ ถ.ลำลูกกา ใกล้กับจุดกลับรถเพื่อมุ่งหน้าไปวงแหวนรอบนอก โดยถนนส่วนกลางของโครงการมีหน้ากว้างถึง 16 ม. รถบรรทุกขนาดใหญ่เข้าออกได้สะดวก
ด้านหน้าของโครงการจะมีสำนักงานขายรอต้อนรับอยู่ โดยในอนาคตพื้นที่จุดนี้จะพัฒนาเป็นร้านค้าสะดวกซื้อ
ถัดจากนั้นจะเป็นซุ้มประตูรักษาความปลอดภัยของโครงการ ซึ่งออกแบบให้มีความสูงโปร่ง เพื่อให้รถบรรทุกผ่านได้สะดวก มาพร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราวกั้นไม้กระดก และกล้อง CCTV
หลังผ่านประตูทางเข้า โซนต้นของโครงการถูกจัดเป็นพื้นที่สีเขียวมากกว่า 10% ของพื้นที่ทั้งหมดตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม EIA สร้างบรรยากาศที่ร่มรื่นให้กับโครงการและคุณภาพชีวิตที่ดีของคนทำงาน
ถนนภายในโครงการกว้างถึง 16 ม. รถขนาดใหญ่สัญจรได้สะดวก สามารถจอดรถได้ที่ริมรั้วของแต่ละยูนิต
แผนผังโครงการเป็นตอนยาวบนถนนเส้นเดียว มี Mini Factory พร้อมอาคารออฟฟิศทั้งหมด 83 ยูนิต
บิ๊กเกอร์แลนด์ เฟส 4 ลำลูกกา คลอง 8 มีโรงงานให้เลือก 2 ขนาด คือ Type L พื้นที่ใช้สอยโรงงาน 660 ตร.ม. บนที่ดิน 400 ตร.ว. กับ Type M พื้นที่ใช้สอยโรงงาน 360 ตร.ม. บนที่ดิน 230 ตร.ว. ซึ่งทั้ง 2 แบบจะมีอาคารออฟฟิศสูง 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 300 ตร.ม. รวมอยู่ด้วย
Mini Factory และออฟฟิศแบบ Type L สร้างบนที่ดิน 400 ตร.ว. อาคารโรงงานมีพื้นที่ใช้สอย 660 ตร.ม. ส่วนอาคารสำนักงานมีขนาด 300 ตร.ม.
จากแบบแปลนจะเห็นว่าทั้ง 2 อาคารมีมีโครงสร้างแยกออกจากกัน นอกจากนั้นอาณาเขตภายในรั้วโรงงานยังมีความกว้างขวาง โดยสำหรับ Type L จะมีระยะร่นจากรั้วถึงตัวโรงงานทั้ง 4 ด้านอยู่ 6 ม.
ที่ดินภายในรั้วโครงการมีขนาดกว้างขวาง ลงเสาเข็มปูพรมลึก 20 ม. รองรับน้ำหนักได้ถึง 1 ตันต่อตร.ม. สามารถต่อเติมหลังคา ใช้พื้นที่ทำประโชน์ได้หลากหลายตามความต้องการ โดยริมรั้วฝั่งที่ติดกับอาคารออฟฟิศจะจัดเป็นสวนเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว
ด้านหน้าโรงงานและออฟฟิศจะเป็นลานกว้าง ใช้งานได้อเนกประสงค์ ใครที่ต้องการให้บรรยากาศมีความร่มรื่นมากขึ้นก็สามารถปรับพื้นที่เป็นสวนหย่อมสำหรับพักผ่อนได้
ประตูรั้วและประตูทางเข้าโรงงานมีขนาดใหญ่ รถบรรทุกสามารถถอยเข้าออกเพื่อขนของขึ้นลงได้ โดยประตูโรงงานจะเป็นระบบประตูม้วนไฟฟ้า เปิดปิดได้อัตโนมัติ
ภายในโรงงานมีพื้นที่ใช้สอย 660 ตร.ม. ระยะพื้นถึงฝ้าเพดานมีความสูงเกือบ 7 ม. ทำให้สามารถต่อเติมเป็น 2 ชั้นได้ รองรับการใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโรงงานขนาดกลางสำหรับผลิตอาหาร เครื่องสำอาง เวชภัณฑ์ ฯลฯ หรือเป็นโกดังเก็บสินค้าสำหรับธุรกิจขายของออนไลน์ รวมไปถึงเป็นสตูดิโอสำหรับธุรกิจ Production House
โครงสร้างของอาคารสำนักงานก่อสร้างด้วยระบบ Pre-Cast แข็งแรงทนทานสูง ผนังโรงงานใช้วัสดุซีเมนต์โฟม Speed Wall ส่วนฝ้าหลังคาโรงงานติดตั้งฉนวน PU Foam ซึ่งกันความร้อนได้ดีทั้ง 2 อย่าง เมื่อรวมกับความโปร่งโล่งและช่องลมที่ช่วยให้อากาศถ่ายเทดี จึงสามารถเก็บสินค้าหลายชนิดได้โดยไม่ต้องกังวลว่าของจะเสียหาย และเป็นสุขภาวะในการทำงานที่ดี
โครงการเตรียมพร้อมรับระบบไฟฟ้าโรงงาน 3 เฟส มีตู้ควบคุมติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน
ทางเข้าอาคารออฟฟิศ มีทางลาดสำหรับเข็นรถขนสินค้าขึ้นลง หรืออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้รถวีลแชร์ตามหลัก Universal Design
ตึกออฟฟิศออกแบบสไตล์โมเดิร์น มี Facade เป็นระแนงสีขาวเพิ่มลูกเล่นให้กับอาคาร อีกทั้งยังช่วยบังแสงแดดให้ภายในสำนักงานได้อีกด้วย
อ้อมมาด้านหลังของอาคารออฟฟิศจะมีห้องน้ำ ซึ่งพนักงานโซนโรงงานสามารถเดินมาใช้ได้สะดวก
จากแบบแปลนชั้น 1 ของอาคาร จะเห็นพื้นที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ สำนักงานขนาด 78.20 ตร.ม. โถงบันได และห้องน้ำซึ่งห้องหนึ่งจะเข้าทางด้านนอกอาคาร ส่วนอีกห้องอยู่ในโซนออฟฟิศ โดยทั้งตึกสามารถรองรับพนักงานได้ประมาณ 30 คน
เข้ามาภายในออฟฟิศ โซนแรกทางโครงการตกแต่งเป็นแผนกต้อนรับให้ดูเป็นแนวทาง โดยชั้น 1 จะมีฝ้าเพดานสูงถึง 3.40 ม. โปร่งโล่งสไตล์โมเดิร์น ซึ่งยูนิตจริงที่ส่งมอบจะทำฝ้าหลุมมาให้เลย พร้อมโปรโมชั่นติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบฝังฝ้าเพดานมาให้ 5 ตัว
หลังเคาน์เตอร์ต้อนรับกั้นเป็นห้องทำงาน มีหน้าต่างเปิดออกทางด้านหน้าและด้านข้าง รับแสงธรรมชาติ สร้างบรรยากาศที่ปลอดโปร่งในการทำงาน
โซนด้านหลังฉากกั้นห้องจะมีเคาน์เตอร์ Pantry และมีประตูทางเข้าห้องน้ำสำนักงาน
ทางโครงการได้เดินระบบท่อน้ำไว้ให้เรียบร้อย สามารถเลือกตกแต่งพื้นที่มุมนี้ได้ตามต้องการ โดยยูนิตตัวอย่างได้ใส่ตู้ล็อกเกอร์เป็นไอเดียให้เห็นถึงประโยชน์ของพื้นที่ใช้สอย
ห้องน้ำภายในชั้น 1 ของสำนักงานมีขนาดกว้างขวาง ยูนิตมาตรฐานจะส่งมอบพร้อมสุขภัณฑ์และแบบกระเบื้องตามภาพ สามารถติดตั้งฉากกั้นห้องสุขาเพิ่มเติมได้
ออกมาโซนโถงบันได ใต้บันไดชั้น 1 จะมีห้องเก็บของ รองรับการเก็บสิ่งของหรืออุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ ได้อย่างเป็นระเบียบ บันไดนั้นมีโครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก จึงทั้งแข็งแรงและไม่ส่งเสียงดังเวลาเดินขึ้นลง
ขยับขึ้นมาบนชั้น 2 จากแปลนจะเห็นการแบ่งฟังก์ชันไว้อย่างเป็นสัดส่วน ทั้งส่วนสำนักงาน ห้องประชุม และห้องทำงานสำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้จัดการ รวมถึงยังมีห้องน้ำและมุมเคาน์เตอร์ครัวเช่นกันกับชั้น 1
พื้นที่โซนออฟฟิศมีฝ้าเพดานสูงโปร่ง 2.9 ม. กว้างประมาณ 72.65 ตร.ม. เลือกจัดมุมโต๊ะทำงานได้อย่างอิสระ
ติดกับโซนออฟฟิศจะมีห้องประชุมขนาดประมาณ 8-10 ที่นั่ง พร้อมหน้าต่างเปิดออกทั้งด้านข้างและด้านหลังอาคาร รับแสงธรรมชาติเพื่อเพิ่มบรรยากาศระดมความคิดสร้างสรรค์
ยูนิตตัวอย่างจัดพื้นที่หน้าห้องทำงานเป็นมุมพักผ่อนรับรองแขกที่มาติดต่อเจ้าของธุรกิจ ผู้จัดการ หรือฝ่ายบุคคล ในขณะรอเข้าพบ เป็นไอเดียที่สามารถนำไปใช้จริงได้อย่างลงตัว
ห้องทำงานสำหรับเจ้าของธุรกิจ ผู้จัดการ หรือหัวหน้างาน กั้นแบ่งจากโซนออฟฟิศอย่างเป็นส่วนตัว
ถัดจากห้องผู้จัดการจะมีห้องน้ำและมุมสำหรับทำเป็นเคาน์เตอร์ Pantry อยู่โซนด้านหลัง ซึ่งทางโครงการจะเดินระบบน้ำไว้ให้เรียบร้อยเช่นกันกับชั้นล่าง
มาถึงชั้น 3 ชั้นนี้โครงการเปิดโล่งเป็น Open Plan ไว้ให้เจ้าของสามารถเลือกแบ่งฟังก์ชันได้ตามความต้องการ มาพร้อมมุมเคาน์เตอร์ครัวและห้องน้ำอีก 1 ห้อง สำหรับเจ้าของกิจการที่ต้องการไลฟ์สไตล์แบบโฮมออฟฟิศ จึงสามารถใช้ชั้น 3 เป็นบ้านแบบ Penthouse ได้เช่นกัน
เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 3 จะเจอกับโถงบันไดที่มีความกว้างขวาง สามารถวางตู้ล็อกเกอร์ให้พนักงานเก็บของส่วนตัวได้อย่างพอเหมาะ
มองออกไปนอกหน้าต่างโถงบันไดจะเห็นหลังคาของโรงงาน ซึ่งสามารถติดตั้งแผงโซลาร์เซลเพิ่มเติมได้ตามความต้องการ
ด้วยพื้นที่แบบ Open Plan ทำให้ชั้น 3 ได้รับแสงสว่างจากหน้าต่างถึง 3 ทิศทาง เมื่อรวมกับฝ้าเพดานที่สูง 2.9 ม. ยิ่งเสริมให้บรรยากาศมีความปลอดโปร่ง มีส่วนกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
โครงการจัดพื้นที่ชั้น 3 ของยูนิตตัวอย่างเป็น Co-Working Space บรรยากาศผ่อนคลายเหมือนคาเฟ่ ให้พนักงานได้ร่วมโต๊ะแชร์ไอเดียแบบเป็นกันเอง หรือพบปะพักผ่อนร่วมกันนอกเวลางาน
เคาน์เตอร์ครัวและห้องน้ำของชั้น 3 หลบมุมอยู่อย่างเป็นสัดส่วน เหมาะกับการจัดเป็นมุมเครื่องดื่มในเวลาพักจากการทำงาน
ห้องน้ำบนชั้น 3 มีขนาดใหญ่ที่สุดถึง 7 ตร.ม. กั้นโซน Shower มาให้เรียบร้อย รองรับสำหรับผู้ที่จะใช้ชั้น 3 เป็นโฮมออฟฟิศสำหรับพักอาศัย
Type M จะมีขนาดที่ดินและขนาดของโรงงานที่เล็กลงมาจาก Type L ส่วนอาคารออฟฟิศจะมีขนาดและแบบแปลนที่เหมือนกัน โดยที่ดินของ Type M สร้างบนที่ดิน 230 ตร.ว. ส่วนพื้นที่ใช้สอยภายในโรงงานมีขนาด 360 ตร.ม.
จากแบบแปลนจะเห็นว่าตัวอาคารออฟฟิศนั้นตั้งอยู่ด้านหน้าโรงงาน ไม่เยื้องไปด้านข้างเหมือน Type L ส่วนระยะร่นจากรั้วด้านข้างนั้นอยู่ที่ 3 ม. ขณะที่ด้านหลังจะห่าง 6 ม. เช่นกันกับ Type L
ประตูรั้วทางเข้ากว้าง 6 ม. รถบรรทุกถอยเข้าได้สะดวก ส่วนประตูโรงงานเป็นประตูม้วนระบบไฟฟ้า เปิดปิดได้อัตโนมัติ
ยูนิตตัวอย่าง Type M ต่อเติมชั้น 2 ภายในโรงงานให้ดูเป็นตัวอย่าง ตอบโจทย์การเพิ่มพื้นที่ใช้สอยทั้งสำหรับเครื่องจักรและเก็บคลังสินค้าได้เป็นอย่างดี
แม้จะซอยเป็น 2 ชั้น แต่ด้วยระยะพื้นถึงฝ้าที่สูงเกือบ 7 ม. ทำให้ฝ้าเพดานชั้น 2 ยังสูงได้กว่า 3 ม. เมื่อบวกกับช่องลมและหลังคาที่ติดฉนวนกันความร้อน บรรยากาศบนนี้จึงยังปลอดโปร่ง ไม่ร้อนอบ
ออฟฟิศของยูนิตType M เปลี่ยนสไตล์การตกแต่งให้ดูเรียบหรูมากขึ้น ซึ่งเจ้าของกิจการเองก็สามารถเลือกตกแต่งภายในได้ตามสไตล์ความชอบหรือประเภทธุรกิจ
ออฟฟิศ Type L และ M ถึงจะมีฟังก์ชันเดียวกัน แต่ก็สามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย
ชั้น 2 ของ Type M ติดฉากกระจกกั้นห้องในโซนออฟฟิศเพิ่ม ทำให้ได้เป็นห้องผู้บริหารขนาดใหญ่
ชั้น 3 เปิดโล่งให้เห็นความกว้างขวาง สามารถเลือกกั้นห้อง แบ่งสัดส่วนพื้นที่ได้ตามความต้องการ
Company
แบรนด์ ‘BIGGERLAND’ เป็นโครงการจัดสรรที่ดินเพื่ออุตสาหกรรมแบบ Mini Factory โดยบริษัท บริษัท ลำลูกกา อินดัสเตรียล มินิ แฟคตอรี่ จำกัด ซึ่งเชี่ยวชาญในพื้นที่โซนปทุมธานีมามากกว่า 10 ปี โดยนอกจากธุรกิจโรงงานและออฟฟิศสำเร็จรูป แบรนด์ในเครือ BIGGERLAND ยังมีบ้านจัดสรรและโครงการคอนโดอยู่ด้วย
อีกจุดแข็งของ BIGGERLAND คือความครบวงจรในการออกแบบ ต่อเติม รวมถึงการตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน โดยโครงการจะมีทีมวิศวกร สถาปนิก และมัณฑนากร พร้อมบริการเจ้าของธุรกิจให้ Custom โรงงานกับออฟฟิศได้ตามฟังก์ชันและดีไซน์ที่ต้องการอย่างสะดวกสบาย
บิ๊กเกอร์แลนด์ เฟส 4 ลำลูกกา คลอง 8 มิติใหม่ของ Mini Factory คิดให้ครบ จบในที่เดียว มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ Type M ราคา 19.5 ล้านบาท* และ Type L ราคา 32.5 ล้านบาท*
สำหรับช่วงเปิดเฟส 4 ทางโครงการมีโปรโมชัน Pre-Sale มอบสิทธิพิเศษ พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศและระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้พร้อมใช้งาน
เจ้าของธุรกิจที่ต้องการขยับขยายโรงงาน คลังสินค้า และสำนักงาน ให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อการบริหารจัดการที่สะดวกสบาย พร้อมกับบรรยากาศที่ปลอดโปร่ง ดีไซน์ทันสมัย ใกล้ชิดธรรมชาติ ทำทำเลอุตสาหกรรมศักยภาพสูง บิ๊กเกอร์แลนด์ เฟส 4 ลำลูกกา คลอง 8 เป็นอีกโครงการที่ Home Buyers แนะนำให้ลูกไปเยี่ยมชมกันดูครับ